มาตรา ๑๔๔ วรรคสอง บัญญัติว่า “เจ้าของทรัพย์ย่อมมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของทรัพย์นั้น”เมื่อ
กฎหมายกำหนดสิทธิไว้เช่นนี้
เจ้าของทรัพย์ก็ย่อมเป็นเจ้าของส่วนควบของทรัพย์นั้นโดยอัตโนมัติตามอำนาจ
แห่งกฎหมาย แม้ทรัพย์ที่เป็นส่วนควบนั้น
ในการโอนกฎหมายกำหนดแบบไว้ก็ไม่ต้องกระทำตามแบบ
หรือไม่จำต้องทำเป็นหนังสือหรือจดทะเบียนแต่ประการใด[6]
20 ม.ค. 2556
1. ส่วนควบของทรัพย์ (Component)
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๔ วรรคแรก บัญญัติว่า“ส่วนควบของทรัพย์ หมายความว่า ส่วนซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์ หรือ โดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลายทำให้บุบสลาย หรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป”ดัง
นั้น การที่ทรัพย์ใดจะเป็นส่วนตวบกับทรัพย์อีกสิ่งหนึ่งนั้น
อย่างน้อยจะต้องมีทรัพย์สองส่วนขึ้นไปที่ปะกอบกันเป็นทรัพย์อยู่
ทรัพย์ที่ประกอบกันนั้นจะเป็นอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ก็ได้
จะเป็นเจ้าของเดียวกันหรือต่างเจ้าของก็ได้ จะมีทรัพย์ประธานหรือไม่ก็ได้
เช่น การเอาทอง เงิน และทองแดงมาหลอมรวมกันกลายเป็น“นาก”จะ
ไม่มีทรัพย์ส่วนใดเป็นประธาน เพราะจะเกิดเป็นของใหม่ขึ้นมา
แต่การปลูกต้นมะม่วงซึ่นเป็นไม้ยืนต้นลงบนดิน
ต้นมะม่วงย่อมเป็นส่วนควบกับที่ดินโดยมีที่ดินเป็นทรัพย์ประธาน[5]
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น